ทัวร์ภูฏาน 10 วัน
พาโร-วังดี-พูนาคา-ทรองซา-บุมถัง-ผอบจิกะ-
ทิมพู-หุบเขาฮา-พิชิตทักซัง
โดยสายการบิน Druk Air
วันที่ 1 : กรุงเทพฯ ? พาโร |
04:50น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 แถว W เช็คอินสายการบิน Druk Air กรุงเทพฯ-พาโร เที่ยวบินที่ KB 131
06:50น. เหินฟ้าสู่เมืองพาโร
08:35น. เครื่องแวะรับผู้โดยสารเพิ่มที่ Bagdogra , India ใช้เวลา 30 นาที ผู้โดยสารไม่ต้องลงจากเครื่อง
09:05น. เครื่องบินเหินฟ้าต่อไปยังเมืองพาโร
10:00น. เดินทางสู่เมืองพาโร (2,280m) ด้วยสายการบิน Druk Airสายการบินแห่งชาติภูฏาน
ตอนนำเครื่องลงท่านจะได้สัมผัสกับขุนเขาอันกว้างใหญ่ใกล้แค่เอื้อม ดุจดั่งเข้าสู่อ้อมกอดของหุบเขาแห่งเมืองพาโร สำหรับท่านที่รักการถ่ายภาพ ความอลังการของทิวทัศน์จะทำให้ท่านได้ภาพที่งดงาม อัศจรรย์ที่สุดภาพหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้
ท่านจะได้รับการประทับตราวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่พาโร เมื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ที่คอยต้อนรับอยู่ที่สนามบิน นำท่านเยี่ยมชมป้อมรินปุง(ป้อมแห่งอัญมณี) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ป้อมพาโร สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1645 ทางเดินเข้าป้อมมีธงมนต์เรียงรายสองข้างทางนำไปสู่สะพานไม้แสนสวยหลังคามุงด้วยกระเบื้องหิน และอยู่ติดกับป้อมยามสองหลัง ปัจจุบันป้อมพาโรมีฐานะเป็นศูนย์กลางในการบริหารปกครองของเขตปกครองพาโรและเป็นที่ตั้งของอารามหลวง ซึ่งมีพระจำวัดอยู่ราว 200รูป หอกลาง (อุตซี)ของป้อม ถึงเป็นหนึ่งในงานเครื่องไม้ที่งามที่สุดในภูฎาน จากนั้นเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ตาซอง ซึ่งในอดีตเคยเป็นหอสังเกตการณ์ของป้อมรินปุงในปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี 1968 และได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ตัวอาคารตั้งอยู่บนเนินในจุดที่มองเห็นเมืองในหุบเขาพาโรทั้งเมือง จากนั้นเที่ยวชมวัดคิชุลาคังหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศภูฏาน สร้างโดยกษัตริย์ธิเบตในปี ค.ศ.659 ท่านจะได้พบกับต้นส้มศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุถึง 600ปี แต่ยังให้ผลตลอดทั้งปี จากนั้นไปยังวัดดังเซ่ลาคัง เป็นวัดที่สร้างขึ้นในปีค.ศ.1433 โดยท่านทังทง เกลโป ผู้คิดค้นและสร้างสะพานเหล็กในภูฎาน วัดนี้เป็นอาคารสามชั้นแทนสัญญลักษณ์ของนรก โลก และสวรรค์ โดยมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่โดดเด่นอยู่ภายใน ชมวัดทัมชอค ลาคัง และเดินสะพานแขวนเก่าแก่ที่นั่น เย็นเดินเล่นรอบเมืองพาโร พักที่พาโร (Alt;2,280เมตร)
วันที่ 2 : พาโร-พูนาคา/วังดี (128km/4.3hrs) |
หลังอาหารเช้า มุ่งหน้าไปยังเมืองวังดี แวะช่องเขาโดชูลาพาส ที่ระดับความสูง 3150 เมตรจากระดับน้ำทะเล ชม 108 สถูปสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นเมืองปีค.ศ.2005 เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับทหารวีรชนชาวภูฏานที่เสียชีวิตจากสงครามอัสสัม ชมความงามของวัดดรุกวังเยลลาคังที่ราชินีในรัชกาลที่4 สร้างถวายแด่กษัตริย์องค์ที่4ด้านในวัดมีภาพเขียนของเจ้าหญิงและเจ้าชายทุกพระองค์ในรูปของนางฟ้าและเทวดา และภาพเขียนเล่าเรื่องราวประวัติของภูฎาน แวะดื่มชา/กาแฟพร้อมดื่มด่ำธรรมชาติทิวทัศน์ของภูเขาหิมาลัยด้านตะวันตกอันตระการตา พร้อมยอดเขาต่างๆเรียงราย รวมไปถึงยอดเขาที่สูงที่สุดอย่าง โชโมฮารี (7,219 เมตร) ทิวทัศน์ระหว่างทางจะเต็มไปด้วยความสวยงามของต้นไม้ในเขตอัลไพน์สลับกับพืชเขตร้อน
ถึงเมืองวังดี นำท่านเที่ยวป้อมวังดี ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเหนือแม่น้ำ จากนั้นเดินทางสู่เมืองพูนาคาที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ เยี่ยมชม ป้อมพูนาคา ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นวังแห่งความสุข ? Palace of Great Happiness? และเป็นหนึ่งในป้องปราการที่สวยงามที่สุดในภูฏาน เป็นป้อมที่สร้างเป็นอันดับสองของภูฏาน ในอดีตเมื่อครั้งเมืองพูนาคายังเป็นเมืองหลวง ป้อมแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นที่ทำการของรัฐบาล ปัจจุบันเป็นที่พักในฤดูหนาวของพระชั้นผู้ใหญ่ ป้อมนี้ตั้งอยู่ ณ บริเวณที่แม่น้ำ Phochu และ แม่น้ำ Mochu ไหลมาบรรจบกัน จากนั้นเดินขึ้นเนินไปชมวัดชิมิลาคัง วัดที่อยู่บนยอดเนิน ใจกลางหุบเขา สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1499 โดยลามะที่มีชื่อเสียงมาก นามว่าท่านลามะดรุกปา คุนเล ที่วัดแห่งนี้ชาวบ้านเชื่อกันว่าหากใครมาอธิฐานขอบุตรก็จะได้สมใจ ค้างคืนที่เมืองวังดี(Alt.1240m)
วันที่ 3 : วังดีโปรดรัง ? ทรองซา (192km/8hr) |
หลังอาหารเช้าขับรถมุ่งหน้าไปยังเมืองบุมถัง ระหว่างทางผ่านชมช่องเขาเพเลลาพาส (3,300m) ณ เลยช่องเขาไปจะมีหมู่บ้านใหญ่ชื่อรูคุปจิ บ้านที่นี่จะล้อมรอบไปด้วยทุ่งมัสตาร์ด ไร่มันฝรั่ง ทุ่งบาร์เล่ย์ และข้าวสาลี ระหว่างทางมีทุ่งดอกไม้โรโดเดนดรอน หรือ กุหลาบพันปี และเฟิร์น จากนั้นผ่านหมู่บ้านเชนเดปจิ เป็นจุดพักระหว่างทางของกองคาราวานเดินทางจากทรองซาในช่วงรัชสมัยของกษัตริย์องค์ที่ 2ของอาณาจักรภูฎาน จุดนี้ยังเป็นจุดสำคัญในการแบ่งภูฎานตะวันออกและภูฎานตะวันตก แขตนี้เป็นดินแดนของคนเลี้ยงจามรีและคนเลี้ยงแกะ ถ้าทัศนวิสัยปลอดโปร่งจะมองเห็นยอดสูงๆของเทือกเขาหิมาลัยได้อย่างชัดเจน รวมทั้งยอดโชโมฮารี (7,219m) ทางทิศตะวันตกด้วย
ถัดจากหมู่บ้านนี้จะได้เห็นสถูปเชนเดปจิ สีขาวองค์ใหญ่อยู่ริมลำธาร สถูปนี้จำลองมาจากสถูปสวยัมภูวนาถ ในกาฎมัณฑุ ประเทศเนปาล มีรูปตาวาดติดไว้ทั้งสี่ทิศ สร้างขึ้นในครึ่งแรกของศตวรรษที่ 18เพื่อสะกดปีศาจที่เข้ามาอาละวาดสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านในหุบเขาบริเวณนี้ หมู่บ้านสุดท้ายก่อนถึงทรองซาคือหมู่บ้านทังเซปจิ จากจุดนี้ท่านจะได้เห็นวิวอันตะการตาของป้อมทรองซา อย่างสมบูรณ์ มองเห็นหลังคาสีแดงอันโดดเด่น ป้อมทรองซานี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1645 ภายในประกอบด้วยสถาปัตยกรรมชั้นเลิศ ลานกว้าง ทางเดิน และระเบียงอันสลับซับซ้อนเหมือนเขาวงกต ทั้งยังมีวิหารและหอบูชาอยู่มากถึง 25หลัง ป้อมนี้เป็นป้อมที่สำคัญมาก เป็นสถานที่จัดงานพระราชพิธีแต่งตั้งองค์มกุฎราชกุมารขึ้นเฉลิมพระยศเป็นโชเชเป็นลป ก่อนที่จะขึ้นครองราชย์เป็นกษัตร์ย์องค์ต่อไป จากนั้นเราก็เข้าไปชมในตัวป้อมทรองซา เมื่อเข้าไปในเขตของหุบเขาชูเม่ (เป็นหุปเขาแรกในสี่หุบเขาที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นหุบเขาบุมถัง) ที่นี่มีการทอผ้ายาตรา ซึ่งเป็นผ้าขนสัตว์ทอมือกันมาก เป็นแพทเทิร์นที่มีรูปแบบเฉพาะ สีสรรสดใส เป็นที่ต้องการของตลาด เดินเล่นในตัวเมืองทรองซา คืนนี้พักที่ทรองซา (Alt 2,180m)
วันที่ 4: ทรองซา ? บุมถัง |
เช้าแวะเที่ยว พิพิธภัณฑ์ทรองซา ซึ่งเดิมเคยเป็นหอสังเกตการณ์ของเมือง แล้วมุ่งหน้าไปสู่เมืองบุมถังเป็นเมืองแห่งจิตวิญญานที่ตั้งอยู่ใจกลางประเทศภูฎาน เส้นที่วิ่งผ่านช่องเขาโยตงลาพาส (3,425m) ถือเป็นเส้นที่มีวิวที่สวยที่สุดในภูฎาน ช่วงบ่ายไปเที่ยวป้อมจาคา ซึ่งเป็นป้อมที่ใหญ่ที่สุดในภูฎาน โดยมีกำแพงป้อมยาวถึง 1กิโลเมตร จากนั้นเที่ยวชมวัดจัมเบลาคัง วัดที่เก่าแก่ที่สุดหนึ่งในสองของบุมถัง สร้างพร้อมกับวัดคิชุลาคังในเมืองพาโร สร้างโดยกษัตริย์ซองเทนแกมโปของทิเบตเพื่อสะกดปีศาจร้าย เที่ยวชมวัดเคอเจลาคัง เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ ภายในตัววัดประกอบไปด้วยสามอารามใหญ่ และล้อมรอบด้วยสถูป 108สถุป จานั้นเที่ยวชมวัดทัมชิงลาคัง วัดในนิกายนิงมาปะ พบโดยท่านเทอทน เปเม ลิงปะ ภายในวัดมีจิตรกรรมฝาผนังโบราณที่เป็นภาพพระพุทธเจ้าทั้ง 1,000ปาง และพระโพธิสัตว์ จากนั้นเที่ยวชมวัดเคนโชซัมลาคัง ซึ่งครั้งแรกถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 7จากนั้นท่านเทอทน เปมา ลิงปะ ได้บูรณะวัดใหม่ในปี ค.ศ.15เชื่อกันว่าตัววัดได้ถูกสร้างบนทะเลสาบใหญ่ที่ซึ่งท่านได้ค้นพบสมบัติสำคัญทางศาสนา จากนั้นมุ่งหน้าไปยังวิทยาลัยสงฆ์เคอชู ดรักซัง บนเนินเขา ที่นี่เป็นจุดชมวิวหุบเขาบุมถังที่สวยงาม บุมถังเป็นเมืองใจกลางประเทศที่ถูกขนานนามโดยนักท่องเที่ยวว่าเป็นสวิสเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย เดินเล่นในตัวเมืองบุมถัง พักค้างคืนที่บุมถัง(Alt; 2580m)
วันที่ 5 : บุมถัง ? ผอบจิกะ (80km/4 hr) |
หลังอาหารเช้ามุ่งหน้าสู่เมืองผอบจิกะเมืองที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งในภูฎาน หรือเรียกว่าเป็นเขตกังเต ซึ่งมาจากชื่อวัดกังเต เป็นเมืองในหุบเขาที่แสนงดงาม เรียบง่าย และอุดมไปด้วยธรรมชาติอันสมบูรณ์ เป็นแหล่งพักของนกกระเรียนคอดำที่อพยพหนีหนาวจากที่ราบสูงทิเบต ท่ามกลางป่าสน เทือกเขา และไร่มันสำปะหลังที่ผสมผสานกันอย่างงดงาม จนนักท่องเที่ยวหลายคนฝันอยากมาใช้ชีวิตที่อยู่ที่นี่เลยทีเดียว เราจะพาท่านเดินเข้าไปในท้องทุ่งกลางหุบเขา ไปสัมผัสชีวิตชาวภูฎานอย่างแท้จริง จนไปสุดที่ บ้านชาวนา เพื่อไปชิมขนมพื้นบ้านที่ทำจากข้าวโพด พร้อมจิบชาร้อนๆแบบภูฎาน รับประทานอาหารที่ภัตตาคาร จากนั้นพักผ่อนที่รีสอร์ทในเมืองผอบจิกะ (Alt;2900m)
วันที่ 6 : ผอบจิกะ ? ทิมพู (142km/5hrs) |
เช้าตรู่แวะเที่ยววัดกังเต วัดนี้เป็นวันนิกายนิงมาปะ ที่ใหญ่ที่สุดในภูฎาน ผู้ก่อตั้งอารามกังเต คือท่านเปมา ทรินเล หลานปู่ของท่านเปมา ลิงปะ พระอริยบุคคลผู้โด่งดังในนิกายญิงมาปะของภูฎาน มุ่งหน้ากลับไปยังทิมพู ผ่านช่องเขาโดชูลาพาส ทิมพูเป็นเมืองหลวงที่มีเสน่ห์อยู่ใจกลางหิมาลัย เพราะไม่เหมือนเมืองหลวงที่ใดในโลก อาคารบ้านเรือนยังคงเอกลักษณ์ตามสถาปัตยกรรมภูฎานดั้งเดิม ระหว่างทางแวะเที่ยวป้อมซิมโตคา ซึ่งเป็นป้อมปราการที่เก่าแก่ที่สุด สร้างในปี 1629 ปัจจุบันเป็นสถานที่ตั้งของโรงเรียนสอนศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เดินเที่ยวซื้อของที่ระลึกในตัวเมือง เข้าพักโรงแรมที่เมืองทิมพู (Alt 2,320m)
เที่ยวชมสัตว์ประจำชาติภูฏานที่ สวนสัตว์ทาคิน ชมตัวทาคิน สัตว์ประจำชาติของประเทศภูฏาน จากนั้นเที่ยววัดแม่ชี จากนั้นไปชมวิวที่ หอคอย BBSซึ่งเป็นที่หนุ่มสาวขนานนามว่าเป็น สถานที่โรแมนติก หรือ Romantic Point เป็นอีกจุดที่เราจะได้บันทึกภาพเมืองทิมพูทั้งเมือง หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยัง หอสมุดแห่งชาติ ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษาเอกสารโบราณท่านจะได้ชมหนังสือภาพภูฎานที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากนั้นไปยัง Zoring Chuksum โรงเรียนสอนศิลปะหัตถกรรม 13ชนิดต่อด้วยการเยี่ยมชม ศูนย์สิ่งทอ เพราะภูฎานมีชื่อเสียงเรื่องผ้าทอมือมาก โดยปรกติแล้วทุกครัวเรือนจะทอผ้าเพื่อไปตัดเย็บชุดประจำชาติเอง โดยแต่ละผืนใช้เวลาประมาณ 9-12 เดือนทีเดียว แล้วแวะไปชมศูนย์หัตถกรรม จากนั้นนำท่านสู่ป้อมทาชิโชซึ่งเป็นอาคารสำนักงานที่ใช้ทรงงานของกษัตริย์ ประกอบไปด้วยท้องพระโรง และศาสนสถานอยู่ภายใน เดินทางต่อเพื่อชม สนามกีฬา Changlingmethangแวะ ที่ทำการไปรษณีย์ ที่ท่านนักสะสมแสตมป์สามารถหาซื้อแสตมป์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกได้ที่นี่ หรือท่านที่อยากซื้อกลับไปเป็นของฝากของที่ระลึกก็ได้ เพราะแสตมป์ภูฎานนั้นนักสะสมรู้ดีว่าเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก นำเที่ยวรอบใจกลางเมืองทิมพู เข้าพักโรงแรมที่เมืองทิมพู (Alt 2,320m)
วันที่ 8 ? ทิมพู ? หุบเขาฮา(102km/ 3-4hr) (B/L/D) |
หลังอาหารเช้า เช็คเอ๊าท์เพื่อเดินทางสู่หุบเขาฮา ทิวทัศน์สองข้างทางสวยงามจับใจ อาจได้เห็นฝูงจามรีระหว่างทาง แต่เดิมหุบเขาฮาเป็นไม่อนุญาติให้ชาวต่างชาติเข้าไปท่องเที่ยว จนเมื่อปี2001 รัฐบาลภูฎานได้เปิดพื้นที่ให้โอกาสนักท่องเที่ยวต่างถิ่นได้สัมผัสชีวิตที่ยังไม่ถูกเจือปนจากโลกภายนอก หุบเขาฮาเป็นที่ประทับของพระมารดาของพระราชินีในรัชกาลที่4ห้อมล้อมด้วยป่าเขา เต็มไปด้วยศาลเจ้าเก่าแก่โบราณ ในหุบเขาจะเห็นทุ่งข้าวฟ่าง ข้าวบาร์เล่ย์ และไร่มันฝรั่ง หยุดถ่ายภาพเขาสามลูกเทพเจ้าผู้คุ้มครองชาวเมืองในหุบเขาฮา ที่เป็นที่มาของตำนานและชื่อหุบเขาฮา เมื่อเข้าสู่เมืองฮา เช็คอินเข้าที่พัก จากนั้นพาท่านไปยัง วัด Black Dove & White Dove จากนั้นขับรถชมหมู่บ้านในหุบเขาเรื่อยไปจนถึงสุดเขตถนนบริเวณชายแดนภูฎาน-ทิเบตที่ Damthang Valley จากนั้นขับกลับมายังตัวเมืองฮา เดินเล่นชมวิถีชีวิต คืนนี้ค้างคืนที่หุบเขาฮา (Alt; 2670m)
วันที่ 9 : หุบเขาฮา -พาโร ทักซัง (53km/ 1 ? hr) (B/L/D) |
หลังอาหารเช้า เดินทางไปยังเมืองพาโรผ่านถนนที่สูงที่สุดของภูฎานที่ช่องเขา เชเลลาพาส (3810m)เมื่อถึงเมืองพาโรพาท่านไปปีนเขาชม วัดทักซัง หรือวัดถ้ำเสือ ซึ่งเป็นศาสนสถานที่มหัศจรรย์ เพราะตัววัดเหมือนเกาะอยู่บนหน้าผาหินที่มีความสูงถึง 800 เมตรจากหุบเขาพาโร ตำนานกล่าวไว้ว่าท่าน Guru Padmasambhavaหรือ พระปทุมสมภพในภาคยักษ์ หรือพระศาสดาองค์ที่สองตามความเชื่อของชาวภูฏาน ได้เหาะมาบนหลังเสือตัวเมีย มายังหน้าผาแห่งนี้เพื่อทำวิปัสนากรรมฐาน จึงได้ชื่อว่าถ้ำเสือ หลังจากที่สำเร็จสมาธิแล้ว ท่านจึงได้สร้างศาสนสถานแห่งนี้ขึ้น ชาวภูฏานส่วนใหญ่มีความปรารถนาแรงกล้าที่จะได้ขึ้นมาแสวงบุญที่ทักซัง สักครั้งหนึ่งในชีวิต
การปีนเขาจะใช้เวลาประมาณ 4- 5 ชั่วโมง (ไป-กลับ) รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารบนเขา ครึ่งทางไปยังทักซัง ในช่วงเย็นเดินชมเมืองพาโร หรือเยี่ยมชมหมุ่บ้านรอบๆตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารเย็นที่ภัตตาคาร แล้วค้างคืนที่เมืองพาโร (Alt; 2280m)
หมายเหตุโรงแรม มีบริการการอาบน้ำแร่หิน หรือ Stone bathหรือเรียกว่า Chu Tsen ที่ขึ้นชื่อของภูฎานอีกด้วย โดยจะนำหินจากแม่น้ำที่มีแร่ธาตุอุดมอยู่มากมายมาแช่ลงในน้ำอุ่นจนกลายเป็นน้ำแร่ และให้ท่านลงไปแช่ อาบในอ่างไม้ผสมกับสมุนไพรตามสไตล์ชาวภูฎาน โดยเชื่อว่าจะช่วยบำรุงผิวพรรณ และรักษาโรคผิวหนังได้ดี (หากสนใจจะแช่น้ำแร่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมท่านละประมาณ USD$12-15โดยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง-หนึ่งชั่วโมง)
วันที่ 10 : พาโร ? กรุงเทพฯ |
หลังอาหารเช้านำท่านสู่สนามบินนานาชาติพาโร
09:20น. เช็คอินที่สนามบินพาโร สายการบิน Druk Air เที่ยวบินที่ KB130 พาโร-กรุงเทพฯ
11:20น. เครื่องบินเหินฟ้าจากสนามบินพาโร
12:45น. เครื่องแวะรับ/ส่งผู้โดยสารที่ดักก้าเป็นเวลา 40นาที
13:15น. เครื่องบินเหินฟ้าจากสนามบินดักก้า
16:15น. เดินทางถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ
**********************************
รายการท่องเที่ยวนี้อาจเปลี่ยนแปลงหรือสลับกันได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ถือเป็นเอกสิทธิ์ของ
ผู้จัดโดยยึดถือตามสภาพการณ์และประโยชน์ของท่านเป็นสำคัญ
**ไม่ถึง 15 ท่านไม่มีผู้นำทัวร์จากเมืองไทย
อัตรานี้รวม ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ/ค่าภาษีสนามบินทุกแห่ง/ค่ารถนำเที่ยวภายในภูฏาน/ไกด์ภาษาอังกฤษ/ค่าโรงแรมที่พัก (2ท่านต่อ 1ห้อง)/ ค่าวีซ่าภูฏาน / ค่าบัตรเข้าชมสถานที่เที่ยว/ ค่าอาหารมาตรฐานตามรายการ/ประกันการเดินทางวงเงิน 1,000,000 บาท
อัตรานี้ไม่รวม ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ นอกเหนือจากรายการ/ ค่าน้ำหนักเกินกว่าสายการบินกำหนด 20kg./ค่าทิปไกด์และคนขับรถ/ค่าโทรศัพท์/ค่าซักรีด/เครื่องดื่มนอกเหนือจากรายการ/ค่าม้าขึ้นวัดทักซัง/ค่าอาบน้ำแร่หิน/ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และค่าภาษีบริการ 3% (กรณีต้องการใบกำกับภาษี)
เอกสารที่ใช้ยื่นวีซ่า
- หนังสือเดินทางที่มีอายุใช้งานเหลือมากกว่า 6 เดือน ก่อนวันเดินทางกลับ
- สแกนสี หรือถ่ายรูปหน้าพาสปอร์ตสี ด้วยความละเอียดสูง หน้าที่มีรูปของท่านพร้อมรายละเอียด
- สแกนสี หรือ ถ่ายรูปสี รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่นตา ไม่เห็นฟัน พื้นหลังเป็นสีพื้นหรือสีขาว ด้วยความละเอียดสูง
- นักเรียน/นักศึกษา สแกนสี บัตรนักเรียน/นักศึกษา ด้วยความละเอียดสูง
- แจ้งรายละเอียดเพื่อกรอกฟอร์มวีซ่าดังนี้:ที่อยู่ปัจจุบัน/ตำแหน่งงาน/ชื่อบริษัทหรือองค์กรที่ทำงาน/วุฒิการศึกษา/สถานที่ออกพาสปอร์ต
ส่งหลักฐานมายังอีเมล์md@thephoenix999.net หรือส่งต้นฉบับมาทางไปรษณีย์
- ชำระค่าทัวร์เต็มจำนวนอย่างน้อย 4สัปดาห์ก่อนก่อนวันเดินทาง และ 8 อาทิตย์ก่อนวันเดินทางในช่วงเทศกาล เพราะนักท่องเที่ยวมีจำนวนมากจากทั่วโลก
ขั้นตอนการทำวีซ่า
- ผู้จัดจะดำเนินการเรื่องการขอวีซ่าแทนท่านโดยเอกสารทั้งหมดตรงไปยังภูฎานทางออนไลน์ โดยวีซ่าจะขอได้เฉพาะผ่านบริษัททัวร์เท่านั้น
- รัฐบาลภูฏานจะทำวีซ่าให้ก็ต่อเมื่อได้รับการชำระค่าทัวร์ 100% แล้วเท่านั้น
- ค่าวีซ่าได้รวมอยู่ในค่าทัวร์แล้ว และท่านจะได้รับตราประทับวีซ่าเมื่อไปถึงสนามบินพาโร หรือ Phuentsholing (หากเดินทางทางรถยนต์)
- ยอดชำระเต็มต้องถูกส่งไปให้ทางภูฏานล่วงหน้าอย่างน้อย 4 อาทิตย์ก่อนวันเดินทาง และ 8 อาทิตย์ก่อนวันเดินทางในช่วงเทศกาล เพราะนักท่องเที่ยวมาก
สำหรับเสื้อผ้าสำหรับเข้าไปตามป้อม หรือ Dzong ต่างๆ (ซึ่งต้องเข้าทุกวัน)
ผู้หญิง : เสื้อแขนยาว หรือ แขนสามส่วน (เลยข้อศอกลงมา) มิเช่นนั้นก็สวมเสื้อแจ๊คเก็ตทับได้
ผู้ชาย : เสื้อมีปก มิเช่นนั้นก็สวมเสื้อแจ๊คเก็ตทับได้
- กางเกง : กางเกงขายาว
- รองเท้า : รองเท้าหุ้มส้น
ห้ามใส่เสื้อแขนกุด สายเดี่ยว กางเกงขาสั้น กระโปรงสั้น รองเท้าแตะ
สิ่งที่ควรเตรียม
ร่มคันเล็ก, ไฟฉาย, กล้องถ่ายภาพ พร้อมอุปกรณ์เช่นแบตเตอรี่ การ์ดหน่วยความจำ, แว่นกันแดด, ครีมกันแดด, ยาประจำตัว, รองเท้าผ้าใบ, ถุงเท้า, หมวกกันแดด
เงื่อนไขการให้บริการ
1. กรุณาจองล่วงหน้าอย่างน้อย 4 สัปดาห์ และล่วงหน้า 8 สัปดาห์ในช่วงเทศกาล ก่อนการเดินทาง พร้อมชำระยอดเต็มล่วงหน้าอย่างน้อย 3 สัปดาห์ เนื่องจากรัฐบาลภูฏานจะออกวีซ่าให้ก็ต่อเมื่อชำระยอดทั้งหมดแล้ว
2. 2.เงื่อนไขการยกเลิก
2.1 ยกเลิกก่อนการเดินทางภายใน 30วัน เก็บค่าเสียหาย ท่านละ 20%ของราคาทัวร์
2.2 ยกเลิกก่อนการเดินทางภายใน 21วัน เก็บค่าเสียหาย 30%ของราคาทัวร์
2.3 ยกเลิกก่อนการเดินทางภายใน 7 วัน เก็บค่าเสียหาย 50% ของราคาทัวร์
2.4 ยกเลิกวันเดินทาง เก็บค่าเสียหาย 100%ของราคาทัวร์
3. เมื่อท่านออกเดินทางไปกับคณะแล้ว ท่านงดการใช้บริการรายการใดรายการหนึ่ง หรือไม่เดินทางพร้อมคณะถือว่าท่านสละสิทธิ์ไม่อาจเรียกร้องค่าบริการคืนได้ ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น
4. กรณีที่กองตรวจคนเข้าเมืองทั้งที่ กรุงเทพฯ และในต่างประเทศปฎิเสธมิให้เดินทางออกหรือเข้าประเทศที่ระบุในรายการเดินทาง ผู้จัดขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนค่าบริการไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น
หมายเหตุ
- ของเหลว เจล และเสปรย์ ทุกชนิด กรุณานำใส่กระเป๋าสัมภาระ กรณีที่จะนำติดตัวไปให้บรรจุใส่ถุงพลาสติกใสเปิด-ปิดผนึกได้ ไม่เกิน 1 ถุง ปริมาณที่ระบุไว้บนภาชนะที่ใส่ชิ้นละไม่เกิน 100ml/g รวมไม่เกิน 1,000ml/g
- สายการบินดรุกแอร์ อนุญาติให้นำสัมภาระโหลดขึ้นเครื่องได้ด้วยน้ำหนักไม่เกิน 20kg.
- สายการบินดรุกแอร์ อนุญาติให้นำสัมภาระติดตัวขึ้นไปยังห้องผู้โดยสารบนเครื่องบินได้อีกคนละ 1ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 5kg และขนาดไม่เกิน 45cmx30cmx20cm
|