ภูฏาน หุบเขาฮา ผอบจิกะ 7วัน
บิน KB
หุบเขาฮา-พาโร-ทิมพู-ผอบจิกะ-วังดี-พูนาคา
วันที่1 ?กรุงเทพฯ ? พาโร ?หุบเขาฮา (65km/3hr)(L/D) |
05:30น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 แถว W ประตู 9 เช็คอินสายการบินDruk Airสายการบินแห่งชาติภูฏาน กรุงเทพฯ-พาโรเที่ยวบินที่ KB 141
07:20น. เหินฟ้าสู่เมืองพาโร
08:50น. เครื่องแวะรับผู้โดยสารเพิ่มที่ Dhaka, Bangladeshใช้เวลา 30 นาที ผู้โดยสารไม่ต้องลงจากเครื่อง
09:20น. เครื่องบินเหินฟ้าต่อไปยังเมืองพาโร
10:20น. เดินทางถึงเมืองพาโร (2,280m)
ตอนนำเครื่องลงท่านจะได้สัมผัสกับขุนเขาอันกว้างใหญ่ใกล้แค่เอื้อม ดุจดั่งเข้าสู่อ้อมกอดของหุบเขาแห่งเมืองพาโร สำหรับท่านที่รักการถ่ายภาพ ความอลังการของทิวทัศน์จะทำให้ท่านได้ภาพที่งดงาม อัศจรรย์ที่สุดภาพหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้
ท่านจะได้รับการประทับตราวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่พาโร เมื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ที่คอยต้อนรับอยู่ที่สนามบิน จากนั้นขับรถมุ่งหน้าไปสู่หุบเขาฮา ทิวทัศน์สองข้างทางสวยงามจับใจ อาจได้เห็นฝูงจามรีระหว่างทาง ผ่านถนนที่สูงที่สุดของภูฎานที่ช่องเขา เชเลลาพาส (3810m)
แต่เดิมหุบเขาฮาเป็นไม่อนุญาติให้ชาวต่างชาติเข้าไปท่องเที่ยว จนเมื่อปี2001 รัฐบาลภูฎานได้เปิดพื้นที่ให้โอกาสนักท่องเที่ยวต่างถิ่นได้สัมผัสชีวิตที่ยังไม่ถูกเจือปนจากโลกภายนอก หุบเขาฮาเป็นที่ประทับของพระมารดาของพระราชินีในรัชกาลที่4ห้อมล้อมด้วยป่าเขา เต็มไปด้วยศาลเจ้าเก่าแก่โบราณ ในหุบเขาจะเห็นทุ่งข้าวฟ่าง ข้าวบาร์เล่ย์ และไร่มันฝรั่ง บ้านเรือนแถบนี้งดงามมากด้วยขอบบัวไม้ที่มีภาพวาดอันสลับซับซ้อน และขอบหน้าต่างที่แกะสลักอย่างวิจิตร เมื่อถึงที่เราจะลงเดินเพื่อสำรวจความมหัศจรรย์ของหุบเขาแห่งนี้ผ่านหมู่บ้านเล็กๆและวัด Black & White เพลิดเพลินกับการถ่ายภาพทิวทัศน์ดอกไม้และสัตว์ประจำถิ่น จากนั้นเช็คอินเข้าที่พัก คืนนี้ค้างคืนที่หุบเขาฮา (Alt; 2670m)
วันที่ 2? หุบเขาฮา ? พาโร (65km/3hr)(B/L/D) |
หลังอาหารเช้า เดินทางกลับสู่เมืองพาโร เมื่อถึงเมืองพาโร นำท่านเยี่ยมชมป้อมดรุกเยลซึ่งเป็นป้อมปราการโบราณอยู่ห่างจากเมืองพาโร 16 กิโลเมตร แม้นว่าจะเหลือเพียงซากปรักหักพัง ป้อมปราการแห่งนี้ยังคงความสำคัญทางประวัติศาสตร์ คือเป็นสถานที่ที่ชาวภูฎาน เอาชนะและขับไล่ชาวธิเบตที่เข้ามารุกราน ในวันที่อากาศสดใส ท่านจะมองเห็นภูเขา Chomolhari (ภูเขาแห่งเทพธิดา) ความสูง 7,328 เมตรจากนั้นเที่ยวชม ป้อมรินปุง(ป้อมแห่งอัญมณี) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ป้อมพาโรสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1645 ทางเดินเข้าป้อมมีธงมนต์เรียงรายสองข้างทางนำไปสู่สะพานไม้แสนสวยหลังคามุงด้วยกระเบื้องหิน และอยู่ติดกับป้อมยามสองหลัง ปัจจุบันป้อมพาโรมีฐานะเป็นศูนย์กลางในการบริหารปกครองของเขตปกครองพาโรและเป็นที่ตั้งของอารามหลวง ซึ่งมีพระจำวัดอยู่ราว 200รูป หอกลาง (อุตซี)ของป้อม ถึงเป็นหนึ่งในงานเครื่องไม้ที่งามที่สุดในภูฎาน จากนั้นเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ตาซองซึ่งในอดีตเคยเป็นหอสังเกตการณ์ของป้อมรินปุงในปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี 1968 และได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ตัวอาคารตั้งอยู่บนเนินในจุดที่มองเห็นเมืองในหุบเขาพาโรทั้งเมือง จากนั้นเที่ยวชมวัดคิชุลาคังหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศภูฏาน สร้างโดยกษัตริย์ธิเบตในปี ค.ศ.659 ท่านจะได้พบกับต้นส้มศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุถึง 600ปี แต่ยังให้ผลตลอดทั้งปีเย็นเดินเล่นรอบเมืองพาโร พักที่พาโร (Alt;2,280เมตร)
วันที่ 3 ?พาโร-ทิมพู (54km/1 ? hr) (B/L/D) |
หลังอาหารเช้า เดินทางสู่เมืองหลวงของภูฎาน ระหว่างทางแวะเที่ยวป้อมซิมโตคาซึ่งเป็นป้อมปราการที่เก่าแก่ที่สุด สร้างในปี 1629 ปัจจุบันเป็นสถานที่ตั้งของโรงเรียนสอนศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจากนั้น ชมวิวเมืองทิมพูที่ หอคอย BBSซึ่งเป็นที่หนุ่มสาวขนานนามว่าเป็น สถานที่โรแมนติก หรือ Romantic Point แล้วไปเที่ยวชมสัตว์ประจำชาติภูฏานที่ สวนสัตว์ทาคินชมตัวทาคิน สัตว์ประจำชาติของประเทศภูฏาน จากนั้นไปเยี่ยมชม วัดแม่ชี และชมMemorial Chortenอนุสรณ์สถาน ที่สร้างในปี 1974 เพื่อเป็นอนุสรณ์สำหรับอดีตกษัตริย์ภูฏานองค์ที่สามที่ล่วงลับแวะที่ทำการไปรษณีย์ที่ท่านนักสะสมแสตมป์สามารถหาซื้อแสตมป์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกได้ที่นี่ หรือท่านที่อยากซื้อกลับไปเป็นของฝากของที่ระลึกก็ได้ เพราะแสตมป์ภูฎานนั้นนักสะสมรู้ดีว่าเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกชมวิวเมืองทิมพูอีกจุดหนึ่งที่Buddha Gang หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยัง หอสมุดแห่งชาติ ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษาเอกสารโบราณท่านจะได้ชมหนังสือภาพภูฎานที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากนั้นไปยัง Zoring Chuksumโรงเรียนสอนศิลปะหัตถกรรม 13ชนิดต่อด้วยการเยี่ยมชม ศูนย์สิ่งทอ เพราะภูฎานมีชื่อเสียงเรื่องผ้าทอมือมาก โดยปรกติแล้วทุกครัวเรือนจะทอผ้าเพื่อไปตัดเย็บชุดประจำชาติเอง โดยแต่ละผืนใช้เวลาประมาณ 9-12 เดือนทีเดียว แล้วแวะไปชมศูนย์หัตถกรรม จากนั้นนำท่านสู่ป้อมทาชิโช ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานที่ใช้ทรงงานของกษัตริย์ ประกอบไปด้วยท้องพระโรง และศาสนสถานอยู่ภายใน เดินทางต่อเพื่อชม สนามกีฬา Changlingmethangเดินเที่ยวชมย่านใจกลางเมืองทิมพู เข้าพักโรงแรมที่เมืองทิมพู(Alt; 2320m)
วันที่ 4?ทิมพู ? ผอบจิกะ (142km/ 5hrs)(B/L/D) |
หลังอาหารเช้า เดินทางสู่เมืองผอบจิกะ ระหว่างทางแวะโดชูลาพาสที่ระดับความสูง 3150 เมตรจากระดับน้ำทะเล ชม 108 สถูปสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นเมืองปีค.ศ.2005 เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับทหารวีรชนชาวภูฏานที่เสียชีวิตจากสงครามอัสสัม ชมความงามของวัดดรุกวังเยลลาคังที่ราชินีในรัชกาลที่4 สร้างถวายแด่กษัตริย์องค์ที่4ด้านในวัดมีภาพเขียนของเจ้าหญิงและเจ้าชายทุกพระองค์ในรูปของนางฟ้าและเทวดา และภาพเขียนเล่าเรื่องราวประวัติของภูฎาน แวะดื่มชา/กาแฟพร้อมดื่มด่ำธรรมชาติทิวทัศน์ของภูเขาหิมาลัยด้านตะวันตกอันตระการตา พร้อมยอดเขาต่างๆเรียงราย รวมไปถึงยอดเขาที่สูงที่สุดอย่างโชโมฮารี(7328 เมตร) ทิวทัศน์ระหว่างทางจะเต็มไปด้วยความสวยงามของต้นไม้ในเขตอัลไพน์สลับกับพืชเขตร้อนจากนั้นเดินทางมุ่งหน้าสู่เมือง ผอบจิกะ เมืองที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งในภูฎาน เป็นเมืองในหุบเขาที่แสนงดงาม เรียบง่าย และอุดมไปด้วยธรรมชาติอันสมบูรณ์ เป็นแหล่งพักของนกกระเรียนคอดำที่อพยพหนีหนาวจากที่ราบสูงทิเบต ในช่วงปลายเดือนตุลาคม-มีนาคม ท่านจะพบกับป่าสน ป่าดึกดำบรรพ์ เทือกเขา และไร่มันสำปะหลังที่ผสมผสานกันอย่างงดงาม จนนักท่องเที่ยวหลายคนฝันอยากมาใช้ชีวิตที่อยู่ที่นี่เลยทีเดียว เราจะพาท่านเดินเข้าไปในท้องทุ่งกลางหุบเขา ไปสัมผัสชีวิตชาวภูฎานอย่างแท้จริง จนไปสุดที่ บ้านชาวนา เพื่อไปชิมขนมพื้นบ้านที่ทำจากข้าวโพด พร้อมจิบชาร้อนๆแบบภูฎานรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรมจากนั้นพักผ่อนที่รีสอร์ทในเมืองผอบจิกะ (Alt; 2900m)
วันที่ 5 ?ผอบจิกะ ? เพเลลาพาส - วังดี ?พูนาคา (65km/3hrs)(B/L/D) |
เช้าตรู่ไปเยี่ยมชมวัดกังเตซึ่งเป็นวัดนิกาย Nyingma ที่ใหญ่ที่สุดในภูฎาน อาจโชคดีได้ชมการสวดมนต์ทำวัตรเช้าของพระที่นี่ หลังจากนั้นไปชมเพเลลาพาส(3,300m) ณ จุดนี้ท่านจะได้เห็นภาพของหมู่บ้านบนเทือกเขาหิมาลัย อย่างหมู่บ้าน Rukubji และ Chendedjiและยังเป็นจุดสำคัญในการแบ่งภูฎานตะวันออกและภูฎานตะวันตก อาจจะได้เห็นจามรีที่นี่ด้วยจากนั้นมุ่งหน้าสู่เมืองวังดี เที่ยวชมป้อมวังดีที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือแม่น้ำ จากนั้นเดินทางสู่เมืองพูนาคาที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ เยี่ยมชม ป้อมพูนาคาซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นวังแห่งความสุข ? Palace of Great Happiness? และเป็นหนึ่งในป้องปราการที่สวยงามที่สุดในภูฏาน เป็นป้อมที่สร้างเป็นอันดับสองของภูฏาน ในอดีตเมื่อครั้งเมืองพูนาคายังเป็นเมืองหลวง ป้อมแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นที่ทำการของรัฐบาล ปัจจุบันเป็นที่พักในฤดูหนาวของพระชั้นผู้ใหญ่ ป้อมนี้ตั้งอยู่ ณ บริเวณที่แม่น้ำ Phochu และ แม่น้ำ Mochu ไหลมาบรรจบกันจากนั้นเดินขึ้นเนินไปชมวัดชิมิลาคังวัดที่อยู่บนยอดเนิน ใจกลางหุบเขา สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1499 โดยลามะที่มีชื่อเสียงมาก นามว่าท่าน Lama Drukpa Kunleyที่วัดแห่งนี้ชาวบ้านเชื่อกันว่าหากใครมาอธิฐานขอบุตรก็จะได้สมใจ ค้างคืนที่เมืองวังดี (Alt.1240m)
วันที่ 6 ?วังดี ? พาโร (125km/4 ? hrs) (B/L/D) |
เช้าตรู่เที่ยวตลาดเช้าที่เมืองวังดี สัมผัสชีวิตชาวบ้านที่มาแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้ากันอย่างคึกคัก จากนั้นก็เดินทางไปยังเมืองพาโร ระหว่างทางแวะชมหิมาลัยที่ช่องเขาโดชูลาอีกรอบ จากนั้นแวะรับประทานอาหารที่ตัวเมืองทิมพู แล้วเดินทางต่อไปยังเมืองพาโร เมื่อถืงเมืองพาโร พาท่านเที่ยวชมสะพานแขวนอันศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดทัมชอคลาคัง จากนั้นไปยังวัดดังเซ่ลาคังเป็นวัดที่สร้างขึ้นในปีค.ศ.1433 โดยท่านทังทง เกลโป ผู้คิดค้นและสร้างสะพานเหล็กในภูฎาน วัดนี้เป็นอาคารสามชั้นแทนสัญญลักษณ์ของนรก โลก และสวรรค์ โดยมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่โดดเด่นอยู่ภายใน และแวะชมป้อมดรุกเยลซึ่งเป็นป้อมปราการโบราณอยู่ห่างจากเมืองพาโร 16 กิโลเมตร แม้นว่าจะเหลือเพียงซากปรักหักพัง ป้อมปราการแห่งนี้ยังคงความสำคัญทางประวัติศาสตร์ คือเป็นสถานที่ที่ชาวภูฎาน เอาชนะและขับไล่ชาวธิเบตที่เข้ามารุกราน ในวันที่อากาศสดใส ท่านจะมองเห็นภูเขา Chomolhari (ภูเขาแห่งเทพธิดา) ความสูง 7,328 เมตรจากนั้นแวะเที่ยว Satsam Chortenเพื่อชมวัดทักซัง หรือ วัดถ้ำเสือ Tiger?s Nest จากด้านล่าง วัดทักซังเป็นศาสนสถานที่มหัศจรรย์ เพราะตัววัดเหมือนเกาะอยู่บนหน้าผาหินที่มีความสูงถึง 900 เมตรวัดจากที่ราบพาโรตำนานกล่าวไว้ว่าท่าน Guru Padmasambhavaหรือ พระปทุมสมภพในภาคยักษ์ หรือพระศาสดาองค์ที่สองตามความเชื่อของชาวภูฏาน ได้เหาะมาบนหลังเสือตัวเมีย มายังหน้าผาแห่งนี้เพื่อทำวิปัสนากรรมฐาน จึงได้ชื่อว่าถ้ำเสือ หลังจากที่สำเร็จสมาธิแล้ว ท่านจึงได้สร้างศาสนสถานแห่งนี้ขึ้น ชาวภูฏานส่วนใหญ่มีความปรารถนาแรงกล้าที่จะได้ขึ้นมาแสวงบุญที่ Taksang สักครั้งหนึ่งในชีวิตรับประทานอาหารเย็นสไตล์ภูฎานที่บ้านชาวนา ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านและชิม อาร่า เหล้าพื้นบ้านของชาวภูฎานคืนนี้ค้างคืนที่เมืองพาโร(Alt; 2280m)
หมายเหตุโรงแรม มีบริการการอาบน้ำแร่หิน หรือ Stone bathหรือเรียกว่า Chu Tsen ที่ขึ้นชื่อของภูฎานอีกด้วย โดยจะนำหินจากแม่น้ำที่มีแร่ธาตุอุดมอยู่มากมายมาแช่ลงในน้ำอุ่นจนกลายเป็นน้ำแร่ และให้ท่านลงไปแช่ อาบในอ่างไม้ผสมกับสมุนไพรตามสไตล์ชาวภูฎาน โดยเชื่อว่าจะช่วยบำรุงผิวพรรณ และรักษาโรคผิวหนังได้ดี (หากสนใจจะแช่น้ำแร่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมท่านละประมาณ USD$12-15โดยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง-หนึ่งชั่วโมง)เดินเล่นในตัวเมืองพาโร คืนนี้พักที่พาโร (Alt; 2280m)
วันที่ 7? พาโร ? กรุงเทพฯ |
หลังอาหารเช้านำท่านสู่สนามบินนานาชาติพาโร
09:45น. เช็คอินที่สนามบินพาโร สายการบิน Druk Air เที่ยวบินที่ KB126พาโร-กรุงเทพฯ
11:45น. เครื่องบินเหินฟ้าจากสนามบินพาโร
12:45น. เครื่องแวะรับ/ส่งผู้โดยสารที่ Dhaka, Bangladeshเป็นเวลา30นาที
13:15น. เครื่องบินเหินฟ้าจากสนามบินDhaka
16:45น. เดินทางถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ
**********************************
รายการท่องเที่ยวนี้อาจเปลี่ยนแปลงหรือสลับกันได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ถือเป็นเอกสิทธิ์ของ
ผู้จัดโดยยึดถือตามสภาพการณ์และประโยชน์ของท่านเป็นสำคัญ
**ไม่ถึง 15 ท่านไม่มีผู้นำทัวร์จากเมืองไทย
อัตรานี้รวม ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับชั้นประหยัด/ค่าภาษีสนามบินทุกแห่ง/ค่ารถนำเที่ยวภายในภูฏาน/ไกด์ภาษาอังกฤษ/ค่าโรงแรมที่พักตามมาตรฐานการท่องเที่ยวภูฎาน(2ท่านต่อ 1ห้อง)/ ค่าวีซ่าภูฏาน / ค่าบัตรเข้าชมสถานที่เที่ยว/ ค่าอาหารมาตรฐานตามรายการ/ประกันการเดินทางวงเงิน 1,000,000 บาท
อัตรานี้ไม่รวม ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ นอกเหนือจากรายการ/ ค่าน้ำหนักเกินกว่าสายการบินกำหนด 20kg./ค่าทิปไกด์และคนขับรถ/ค่าโทรศัพท์/ค่าซักรีด/เครื่องดื่มนอกเหนือจากรายการ/ค่าม้าขึ้นวัดทักซัง/ค่าอาบน้ำแร่หิน/ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และค่าภาษีบริการ 3% (กรณีต้องการใบกำกับภาษี)
เอกสารที่ใช้ยื่นวีซ่า
- หนังสือเดินทางที่มีอายุใช้งานเหลือมากกว่า 6 เดือน ก่อนวันเดินทางกลับ
- สแกนสี หรือถ่ายรูปหน้าพาสปอร์ตสี ด้วยความละเอียดสูง หน้าที่มีรูปของท่านพร้อมรายละเอียด
- สแกนสี หรือ ถ่ายรูปสี รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่นตา ไม่เห็นฟัน พื้นหลังเป็นสีพื้นหรือสีขาว ด้วยความละเอียดสูง
- แจ้งรายละเอียดเพื่อกรอกฟอร์มวีซ่าดังนี้: ที่อยู่ปัจจุบัน/ตำแหน่งงาน/ชื่อบริษัทหรือองค์กรที่ทำงาน/วุฒิการศึกษา/สถานที่ออกพาสปอร์ต
ส่งหลักฐานมายังอีเมล์md@thephoenix999.net หรือส่งต้นฉบับมาทางไปรษณีย์
- ชำระค่าทัวร์เต็มจำนวนอย่างน้อย 4สัปดาห์ก่อนก่อนวันเดินทาง และ 8 อาทิตย์ก่อนวันเดินทางในช่วงเทศกาล เพราะนักท่องเที่ยวมีจำนวนมากจากทั่วโลก
ขั้นตอนการทำวีซ่า
- ผู้จัดจะดำเนินการเรื่องการขอวีซ่าแทนท่านโดยเอกสารทั้งหมดตรงไปยังภูฎานทางออนไลน์ โดยวีซ่าจะขอได้เฉพาะผ่านบริษัททัวร์เท่านั้น
- รัฐบาลภูฏานจะทำวีซ่าให้ก็ต่อเมื่อได้รับการชำระค่าทัวร์ 100% แล้วเท่านั้น
- ค่าวีซ่าได้รวมอยู่ในค่าทัวร์แล้ว และท่านจะได้รับตราประทับวีซ่าเมื่อไปถึงสนามบินพาโร หรือ Phuentsholing (หากเดินทางทางรถยนต์)
- ยอดชำระเต็มต้องถูกส่งไปให้ทางภูฏานล่วงหน้าอย่างน้อย 4 อาทิตย์ก่อนวันเดินทาง และ 8 อาทิตย์ก่อนวันเดินทางในช่วงเทศกาล เพราะนักท่องเที่ยวมาก
สำหรับเสื้อผ้าสำหรับเข้าไปตามป้อม หรือ Dzong ต่างๆ (ซึ่งต้องเข้าทุกวัน)
ผู้หญิง : เสื้อแขนยาว หรือ แขนสามส่วน (เลยข้อศอกลงมา) มิเช่นนั้นก็สวมเสื้อแจ๊คเก็ตทับได้
ผู้ชาย : เสื้อมีปก มิเช่นนั้นก็สวมเสื้อแจ๊คเก็ตทับได้
- กางเกง : กางเกงขายาว
- รองเท้า : รองเท้าหุ้มส้น
ห้ามใส่เสื้อแขนกุด สายเดี่ยว กางเกงขาสั้น กระโปรงสั้น รองเท้าแตะ
สิ่งที่ควรเตรียม
ร่มคันเล็ก, ไฟฉาย, กล้องถ่ายภาพ พร้อมอุปกรณ์เช่นแบตเตอรี่ การ์ดหน่วยความจำ, แว่นกันแดด, ครีมกันแดด, ยาประจำตัว, รองเท้าผ้าใบ, ถุงเท้า, หมวกกันแดด
เงื่อนไขการให้บริการ
1. กรุณาจองล่วงหน้าอย่างน้อย 4 สัปดาห์ และล่วงหน้า 8 สัปดาห์ในช่วงเทศกาล ก่อนการเดินทาง พร้อมชำระยอดเต็มล่วงหน้าอย่างน้อย 3 สัปดาห์ เนื่องจากรัฐบาลภูฏานจะออกวีซ่าให้ก็ต่อเมื่อชำระยอดทั้งหมดแล้ว
2. 2.เงื่อนไขการยกเลิก
2.1 ยกเลิกก่อนการเดินทางภายใน 30วัน เก็บค่าเสียหาย ท่านละ 20%ของราคาทัวร์
2.2 ยกเลิกก่อนการเดินทางภายใน 21วัน เก็บค่าเสียหาย 30%ของราคาทัวร์
2.3 ยกเลิกก่อนการเดินทางภายใน 7 วัน เก็บค่าเสียหาย 50% ของราคาทัวร์
2.4 ยกเลิกวันเดินทาง เก็บค่าเสียหาย 100%ของราคาทัวร์
3. เมื่อท่านออกเดินทางไปกับคณะแล้ว ท่านงดการใช้บริการรายการใดรายการหนึ่ง หรือไม่เดินทางพร้อมคณะถือว่าท่านสละสิทธิ์ไม่อาจเรียกร้องค่าบริการคืนได้ ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น
4. กรณีที่กองตรวจคนเข้าเมืองทั้งที่ กรุงเทพฯ และในต่างประเทศปฎิเสธมิให้เดินทางออกหรือเข้าประเทศที่ระบุในรายการเดินทาง ผู้จัดขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนค่าบริการไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น
หมายเหตุ
- ของเหลว เจล และเสปรย์ ทุกชนิด กรุณานำใส่กระเป๋าสัมภาระ กรณีที่จะนำติดตัวไปให้บรรจุใส่ถุงพลาสติกใสเปิด-ปิดผนึกได้ ไม่เกิน 1 ถุง ปริมาณที่ระบุไว้บนภาชนะที่ใส่ชิ้นละไม่เกิน 100ml/g รวมไม่เกิน 1,000ml/g
- สายการบินดรุกแอร์ อนุญาติให้นำสัมภาระโหลดขึ้นเครื่องได้ด้วยน้ำหนักไม่เกิน 20kg.
- สายการบินดรุกแอร์ อนุญาติให้นำสัมภาระติดตัวขึ้นไปยังห้องผู้โดยสารบนเครื่องบินได้อีกคนละ 1ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 5kg และขนาดไม่เกิน 45cmx30cmx20cm

|